รู้หรือไม่ประสิทธิภาพในการกันไฟขึ้นอยู่กับ ความหนาสีกันไฟ หรือ ซีเมนต์กันไฟ สีกันไฟ โครงสร้างเหล็กหรือที่รู้จักกันดีในชื่อของ “สีกันไฟ หรือ ซีเมนต์กันไฟ” คือ วัสดุที่ทนความร้อนสูง เมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้จะช่วยชะลอไม่ให้โครงสร้างของตัวอาคารได้รับความร้อนเร็วจนเกินไป นอกจากนี้ยังมีความยืดหยุ่นสูง สามารถยึดเกาะกับชั้นรองพื้นผิวโลหะ และโลหะผสมได้ดี

เพื่อให้เข้าใจวิธีการทาสีกันไฟ และติดตั้งซีเมนต์กันไฟมากยิ่งขึ้น บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับความหนาของสีทนไฟ และขั้นตอนการทาสีทนไฟของผลิตภัณฑ์แต่ละประเภท พร้อมแนะนำสีทนไฟที่มีคุณภาพจากทาง Bitec Enterprise

 

มารู้จัก ความหนาสีกันไฟ และซีเมนต์กันไฟ กับ Bitec Enterprise

การป้องกันไฟของโครงสร้างเหล็กในปัจจุบันนิยมใช้สีกันไฟเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นวัสดุเคลือบผิวชนิดพิเศษที่มีลักษณะคล้ายสีทั่วไป แต่สีชนิดนี้สามารถขยายตัวออกเป็นฉนวนกันความร้อนเมื่ออุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้น การใช้งานสีกันไฟอาจต้องพ่น หรือทำการทาสีกันไฟเคลือบผิวเหล็กหลายชั้นเพื่อให้ได้ความหนาที่ต้องการ นอกจากนี้สีกันไฟยังมีทั้งแบบชนิดผสมน้ำ และชนิดผสมสารระเหย ถ้าต้องการแบ่งประเภทตาม Bitec Enterprise สามารถแบ่งได้ดังนี้

  • Intumescent สีกันไฟ
    •  Water Based สีกันไฟชนิดน้ำ(แห้งช้า แต่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ราคาถูก)
    •  Solvent Based สีกันไฟที่มีน้ำมันเป็นตัวผสม (แห้งไวเพราะผสมทินเนอร์ แต่มีกลิ่น ราคาสูงกว่า)
  • Cementitious เบสซีเมนต์
    • Medium density สามารถใช้ภายในอาคาร และบริเวณที่ก้ำกึ่งภายนอกภายใน เช่น ลานจอดรถ พ่นแล้วฉาบเรียบได้ ใช้กับอาคารโรงงานทั่วไป
    • High Density สามารถใช้ภายในและภายนอก พ่นและฉาบเรียบได้ กันไฟสำหรับปิโตรเคมี

ซึ่งข้อดีของวัสดุป้องกันไฟทั้ง 2 ประเภท มีอัตราการทนไฟที่สามารถป้องกันความร้อนได้นานถึง 3 ชม. ตามมาตรฐาน ASTM E119 และมีค่า Green Building (เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม) ผ่านเกณฑ์ หากพูดถึงเรื่องความหนาสีกันไฟ เนื่องจากโครงสร้างเหล็กแต่ละแบบมีความหนาไม่เท่ากัน การเลือกใช้ความหนาสีกันไฟจะขึ้นอยู่กับชั่วโมงการทนไฟ และขนาดของเหล็ก (Hp/A) หรือ ค่า (W/D)

ถ้าเปรียบเทียบเหล็กที่มีขนาดเท่ากัน หากต้องการชั่วโมงการทนไฟมากขึ้น จำเป็นต้องใช้ความหนาของสีกันไฟมากขึ้น แต่ถ้าเปรียบเทียบเหล็กที่มีค่า Hp/A มากกว่า จะต้องใช้สีกันไฟที่มีความหนามากขึ้น หากต้องการชั่วโมงกันไฟที่เท่ากัน  สรุปง่ายๆ คือ การเพิ่มความหนาของสีกันไฟจะขึ้นอยู่กับ ชั่วโมงการทนไฟที่ต้องการ และขนาดของเหล็กที่เลือกใช้ เพื่อให้สีกันไฟทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

 

วิธีการ ทาสีกันไฟ แต่ละประเภทเป็นอย่างไร

การก่อสร้างอาคารนอกจากต้องคำนึงถึงเรื่องความแข็งแรงแล้ว ความทนไฟก็สำคัญเช่นเดียวกัน เพราะความปลอดภัยต้องมาก่อน ซึ่งตามกฎหมายได้ระบุเอาไว้ว่า

โครงสร้างหลักอาคาร

  • อาคารสำหรับใช้เป็นคลังสินค้า, โรงมหรสพ, โรงแรม, อาคารชุด หรือ สถานพยาบาล
  • อาคารสำหรับใช้เพื่อทำกิจกรรม, อาคารพาณิชยกรรม, การอุตสาหกรรม, การศึกษา, การสาธารณสุข, สำนักงาน และที่ทำการที่มีความสูงตั้งแต่ 3 ชั้นขึ้นไป หรือพื้นที่ที่มีขนาดเกิน 1,000 ตร.ม.
  • อาคารสูง, อาคารขนาดใหญ่, อาคารขนาดใหญ่พิเศษ หรือ อาคารที่ใช้เป็นหอประชุม

โครงสร้างอาคารข้างต้น ให้ก่อสร้างด้วยวัสดุทนไฟที่มีคุณลักษณะ ดังนี้ (กรณีโครงสร้างไม่มีคอนกรีตหุ้ม)

  • โครงสร้างหลักที่เป็นเสา หรือ คาน ที่ก่อสร้างด้วยเหล็กโครงสร้างรูปพรรณต้องป้องกันเพื่อให้มีอัตราการทนไฟได้ไม่น้อยกว่า 3 ชม. และมีพื้นที่ให้อัตราทนไฟได้ไม่น้อยกว่า 2 ชม.
  • อาคารชั้นเดียว โครงหลังคาต้องมีอัตราการทนไฟไม่น้อยกว่า 1 ชม.
  • อาคารสองชั้นขึ้นไป โครงหลังคาต้องมีอัตราการทนไฟไม่น้อยกว่า 2 ชม.
  • โครงหลังคาของอาคารที่มีพื้นที่อาคารรวมกันทุกชั้นในหลังคาเดียวกันไม่เกิน 1,000 ตร.ม. ไม่ต้องมีอัตราทนไฟ
  • โครงหลังคาของอาคารที่อยู่สูงจากพื้นอาคารเกิน 8 ม. และอาคารนั้นมีระบบดับเพลิงอัตโนมัติ หรือมีการป้องกันความร้อน หรือระบบระบายความร้อน ไม่ต้องมีอัตราทนไฟ

ดังนั้นสีกันไฟจึงเป็นตัวช่วยสำคัญในการปกป้องโครงสร้างเหล็กของอาคาร ในหัวข้อนี้จะมาพูดถึงขั้นตอนการติดตั้งสีกันไฟ Firekote S-99 และ วัสดุป้องกันไฟ Firecut F-1 ทั้ง 2 แบบ จะมีขั้นตอนการติดตั้งอย่างไรบ้างไปดูกัน!

 

ขั้นตอนการติดตั้ง สีกันไฟ Firekote S-99

  1. เตรียมความพร้อมของผู้ปฏิบัติงาน และสวมใส่อุปกรณ์นิรภัยให้เรียบร้อย
  2. ติดตั้งนั่งร้านให้ได้ตามมาตรฐาน และเหมาะสมกับการใช้งาน
  3. ตรวจเช็กความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศ ก่อนเริ่มปฏิบัติงานจริง
  4. ตรวจสอบชิ้นงาน และทำความสะอาดชิ้นงานจากจำพวกฝุ่นละออง หรือ ตะกอนเหล็ก
  5. ทาสีกันสนิมที่ความหนาประมาณ 35-50 ไมครอน จากนั้นทิ้งไว้ประมาณ 4-6 ชม. แล้วจึงทำการตรวจเช็กความหนาของสีกันสนิม และบันทึกค่าลงตารางเช็กความหนา
  6. ทาสีกันไฟ Firekote S-99 ที่ความหนา 200-250 ไมครอน ทิ้งไว้ประมาณ 4-6 ชม. ในแต่ละรอบ
  7. ทาสีกันไฟ Firekote S-99 ความหนา 200-250 ไมครอน ทิ้งไว้ประมาณ 8-10 ชม. ในรอบสุดท้าย ตรวจเช็กความหนาสีกันไฟ และทำการบันทึกค่าลงตารางเช็กความหนา
  8. ทาสีทับหน้า ความหนา 35-50 ไมครอน ทิ้งไว้เป็นระยะเวลาประมาณ 6-8 ชม. แล้วจึงตรวจเช็กความหนาสีทับหน้า จากนั้นทำการบันทึกค่าลงตารางเช็กความหนา

 

ขั้นตอนการติดตั้ง ซีเมนต์กันไฟ (Cementitious)

  1. เตรียมความพร้อมของผู้ปฏิบัติงาน และสวมใส่อุปกรณ์นิรภัยให้เรียบร้อย
  2. ติดตั้งนั่งร้านให้ได้ตามมาตรฐาน และทำความสะอาดผิวชิ้นงานด้วยผ้าสะอาด
  3. ทำการ Protection บริเวณโดยรอบชิ้นงานด้วยผ้าใบ Blue Sheet ก่อนเริ่มงานพ่นสารทนไฟ
  4. จัดเตรียมเครื่องมือ เครื่องจักร วัสดุ และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับงานพ่นสารทนไฟ
  5. พ่นซีเมนต์กันไฟ Firecut F-1 บนพื้นผิวของชิ้นงาน
  6. ตรวจเช็กความหนาตามที่ออกแบบไว้ รวมถึงทำความสะอาดชิ้นงาน และพื้นที่ทำงานที่เกี่ยวข้อง

 

แนะนำ สีทนไฟ และ ซีเมนต์กันไฟที่ได้มาตรฐาน

เมื่อรู้ขั้นตอนการติดตั้งวัสดุป้องกันไฟแต่ละประเภทแล้ว จะเห็นได้ว่าสีป้องกันไฟ และซีเมนต์กันไฟ มีความสำคัญอย่างมากที่ช่วยปกป้องโครงสร้างของอาคาร ทาง Bitec Enterprise ขอแนะนำผลิตภัณฑ์รองพื้น สีกันไฟ Firekote S-99, Firecut FM900, Isolatek WB3/4/5 และ ซีเมนต์กันไฟ Firecut F-1, Firecut F-100

การเลือกใช้งานสีกันไฟและซีเมนต์กันไฟแต่ละประเภทนั้น ขึ้นอยู่กับลักษณะงานที่ต้องการนำไปใช้ ที่สำคัญต้องเลือกตามความเหมาะสม โดยทั้ง 2 ประเภทได้ผ่านการทดสอบตามมาตรฐาน ASTM E119 เป็นไปตามกฎกระทรวงฉบับที่ 60 ผ่านการรับรองจากวุฒิวิศวกร และสถาบันที่เชื่อถือได้

นอกจากจำหน่ายสีกันไฟแล้ว ยังมีทีมงานติดตั้งสีกันไฟ โดยทีมงานมืออาชีพที่มีประสบการณ์ด้านนี้โดยเฉพาะ เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ถ้าหากคุณกำลังมองหาแหล่งจำหน่ายสีกันไฟ หรือวัสดุก่อสร้างประเภทอื่นๆ เราขอเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีให้กับคุณ

 

 

เลือก ความหนาสีกันไฟ และซีเมนต์กันไฟ ที่ได้มาตรฐาน กับ Bitec Enterprise

เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้จะเห็นได้ว่า สีทนไฟ และซีเมนต์กันไฟ คือ หนึ่งในวัสดุยอดฮิตที่จำเป็นต้องใช้ในการก่อสร้าง เพราะการก่อสร้างอาคารนอกจากจะต้องการความแข็งแรงแล้ว ก็ต้องการความทนไฟด้วยเช่นกัน แล้วถ้าต้องการเพิ่มชั่วโมงการทนไฟของโครงสร้าง ก็จำเป็นต้องเพิ่มความหนาของสีกันไฟตามขนาดของเหล็กที่เลือกใช้ เพื่อเสริมความปลอดภัยให้กับผู้ใช้งาน

สำหรับใครที่ต้องการติดตั้งสีกันไฟ หรือซีเมนต์กันไฟ แนะนำว่าควรติดตั้งโดยช่างผู้เชี่ยวชาญด้านสีกันไฟ อย่าง Bitec Enterprise ด้วยประสบการณ์มากกว่า 25 ปี ทั้งด้านการติดตั้ง ให้คำปรึกษา และเป็นแหล่งจำหน่ายวัสดุสีกันไฟที่ได้มาตรฐาน ซึ่งสีกันไฟที่มีคุณภาพจะต้องเลือกตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนดไว้ ดังนี้

  • มาตรฐาน เอเอสทีเอ็ม อี 119 (ASTM E-119) หรือ ISO 834 ตามพรบ. ควบคุมอาคาร กรมโยธาธิการและผังเมือง 
  • มาตรฐานว่าด้วยวัสดุและผลิตภัณฑ์ด้านอัคคีภัย กรมโยธาธิการและผังเมือง
    • มยผ.1333-61 มาตรฐานความคงทนของอาคารเหล็กโครงสร้างรูปพรรณ
    • มยผ.8212-52 มาตรฐานการทดสอบแรงยึดเหนี่ยววัสดุพ่นเคลือบผิวกันไฟ
    • มยผ.8101-52 ข้อกำหนดการควบคุม การใช้งานวัสดุภายในอาคาร
    • มยผ.8302-52 มาตรฐานประกอบการออกแบบติดตั้งชิ้นส่วนโครงสร้างทนไฟ
    • มยผ.8303-52 มาตรฐานประกอบการออกแบบวัสดุและอุปกรณ์ป้องกันการลามไฟ

นอกจากนี้ยังจำหน่ายสินค้าที่เกี่ยวกับวัสดุก่อสร้างมากมาย พร้อมทั้งให้คำแนะนำในการเลือกใช้งานอย่างเหมาะสม ที่สำคัญผลิตภัณฑ์ยังผ่านการตรวจสอบมาตรฐานตามกฎหมาย รับรองว่าผู้ใช้งานมั่นใจในทุกบริการอย่างแน่นอน!

 

 

 

ติดต่อสอบถามข้อมูล และข้อสงสัยต่างๆ ของผลิตภัณฑ์ เพิ่มเติมได้ที่นี่

Facebook: BITEC Enterprise Ltd.

E-mail: info@bitecenterprise.com

Line: @Bitecenterprise

Tel: 02-717-1155