โดยธรรมชาติแล้วเพลิงไหม้สามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ และเมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ จึงจำเป็นต้องจำกัดการแพร่กระจายความร้อนของเปลวไฟที่ทำลายโครงสร้างเหล็กด้วยวัสดุกันไฟ สำหรับขั้นตอนการก่อสร้างอาคารเหล็ก สิ่งที่ช่วยลดการแพร่กระจายความร้อนของเปลวเพลิงได้ดี คือ สีกันไฟ ที่มีคุณสมบัติโดดเด่นเฉพาะตัว ซึ่งวันนี้ Bitec Enterprise จะมาให้คำแนะนำเกี่ยวกับ สีทนไฟ เพื่อเป็นแนวทางในการเลือกวัสดุก่อสร้างอาคารเหล็กอย่างมีคุณภาพ

 

มาตรฐานสีกันไฟ สำคัญอย่างไร ?

สำหรับผู้ที่วางแผนสร้างบ้าน การเลือกวัสดุก่อสร้างเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ควรให้ความสำคัญ และต้องคำนึงถึงความปลอดภัยอยู่เสมอ ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่อยู่เหนือการควบคุม การเลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่มีมาตรฐาน รองรับ จะเป็นตัวช่วยทำให้ผู้อยู่อาศัยปลอดภัยยิ่งขึ้น ดังนั้น มาตรฐานสีกันไฟ จึงเป็นส่วนประกอบของงานก่อสร้างที่ต้องให้ความสำคัญ

มาตรฐานสีกันไฟมีอะไรบ้าง ?

  • มาตรฐาน เอเอสทีเอ็ม อี 119 (ASTME 119) หรือ ISO 834 ตามพรบ.ควบคุมอาคาร กรมโยธาธิการและผังเมือง
  • มาตรฐานว่าด้วยวัสดุและผลิตภัณฑ์ด้านอัคคีภัย กรมโยธาธิการและผังเมือง
    • มยผ.1333-61 มาตรฐานความคงทนของอาคารเหล็กโครงสร้างรูปพรรณ
    • มยผ.8212-52 มาตรฐานการทดสอบแรงยึดเหนี่ยววัสดุพ่นเคลือบผิวกันไฟ
    • มยผ.8101-52 ข้อกำหนดการควบคุม การใช้งานวัสดุภายในอาคาร
    • มยผ.8302-52 มาตรฐานประกอบการออกแบบติดตั้งชิ้นส่วนโครงสร้างทนไฟ
    • มยผ.8303-52 มาตรฐานประกอบการออกแบบวัสดุ และอุปกรณ์ป้องกันการลามไฟ

 

ข้อกำหนดงานป้องกัน สีกันไฟโครงสร้างเหล็ก

ปัจจุบันอาคารสำนักงานหรือโรงงานต่างๆ นิยมใช้โครงสร้างเหล็กในการก่อสร้าง เพราะมีความแข็งแรงทนทาน ก่อสร้างง่ายและรวดเร็ว แต่โครงสร้างเหล็กก็มีข้อกำจัดเช่นเดียวกันนั่นคือ มีอัตราการทนไฟของโครงเหล็กน้อย เพียง 10-20 นาที ก็จะสูญเสียกำลังจนไม่สามารถรับน้ำหนักได้ จึงต้องมีข้อกำหนดงานป้องกัน สีกันไฟโครงสร้างเหล็กขึ้นมาเพื่อความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย ดังนี้

1. ข้อกำหนด 

  • ผู้ติดตั้งต้องเป็นผู้จัดเตรียมคนงาน, เครื่องมือ และเครื่องจักรที่ใช้ในการปฏิบัติงานและติดตั้ง
  • ต้องติดตั้งวัสดุป้องกันไฟทั้งหมดที่ระบุไว้ในแบบ, ระบุไว้ ณ ที่นี้ และ/หรือตามความจำเป็นของสภาพหน้างาน

2. คุณสมบัติที่ต้องการ

  • วัสดุป้องกันไฟโครงสร้างเหล็กเป็นวัสดุประเภท Solvent-Based Intumescent หรือ Water-Based Intumescent มีอัตราการทนไฟตามกฎกระทรวง ติดตั้งด้วยวิธีการพ่นหรือทาบนโครงสร้างเหล็ก

3. ข้อกำหนด

  • เป็นวัสดุป้องกันไฟโครงสร้างเหล็กที่ได้ตามมาตรฐานตามการทดสอบมาตรฐาน ASTM E119

4. การขออนุมัติ

  • ให้ส่งข้อมูลวัสดุป้องกันไฟโครงสร้างเหล็กอย่างละเอียด
  • ให้ส่งใบรับรองว่าสินค้านั้นๆ มีคุณสมบัติถูกต้องตามความต้องการหรือสูงกว่าความต้องการที่ได้ระบุไว้
  • ให้ส่งรายงานผลทดสอบตามมาตรฐาน ASTM E119

5. การรับรองคุณภาพ

  • ใช้วัสดุกันไฟแต่ละรุ่นที่ผลิตจากโรงงานเดียวกันที่ได้มาตรฐาน
  • ผลิตภัณฑ์, การติดตั้ง และความหนาของวัสดุกันไฟ จะต้องเป็นไปตามข้อกำหนดเกี่ยวกับอัตราการทนไฟ
  • ผู้ติดตั้งวัสดุป้องกันไฟต้องเข้านำเสนอวิธีการติดตั้ง ก่อนการติดตั้งเพื่อตรวจรับวัสดุ, การติดตั้ง, ความหนา, กระบวนการติดตั้ง และ หัวข้ออื่นๆ

6. ความต้องการตามข้อบังคับ

  • ให้เป็นไปตามกฎข้อบังคับของกฎกระทรวงฉบับที่ 60 เกี่ยวกับอัตราการทนไฟ
  • ส่งใบรับรองของวัสดุป้องกันไฟที่มีการรับรองให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง

7. การส่งของ, การจัดเก็บ และการจัดการ

  • ส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่มีร่องรอยการเปิดบรรจุภัณฑ์ และต้องมีป้ายแสดงชนิดของสินค้า และชื่อผู้ผลิตอย่างชัดเจน
  • จัดเก็บวัสดุพ่นกันไฟให้อยู่เหนือพื้นดิน และมีหลังคาปกคลุม เพื่อให้วัสดุคงอยู่ในสภาพแห้งก่อนการใช้งาน และเคลื่อนย้ายวัสดุออกจากหน้างานเมื่อเสร็จสิ้นงาน และจัดเก็บส่วนที่เหลือใช้
  • วัสดุป้องกันไฟมีอายุการใช้งาน 24 เดือน เก็บไว้ในที่แห้งและภาชนะปิดสนิท อุปกรณ์ที่นำมาใช้ควบคู่กับวัสดุป้องกันไฟ ต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด

8. ความต้องการทางด้านสิ่งแวดล้อม

  • จัดให้มีการระบายอากาศในบริเวณพื้นที่ที่ทำการติดตั้งในระหว่าง และภายหลังการติดตั้ง 24 ชั่วโมงเพื่อให้วัสดุแห้ง
  • ก่อนจะเริ่มงานพ่นกันไฟ ควรตรวจสอบสภาพอากาศ ไม่ควรมีลมแรงและฝนตกหนัก

9. ลำดับ และตารางการทำงาน

  • จัดเตรียมที่เก็บวัสดุชั่วคราว เพื่อป้องกันไม่ให้สารพ่นกันไฟที่จะนำมาใช้งาน ไม่เหมาะสมต่อการใช้งานพ่นอันเนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวน
  • หลีกเลี่ยงสัมผัสโดยตรง อันจะทำให้สารพ่นกันไฟเกิดการหลุดร่วง และเกิดความเสียหาย ในระหว่างการติดตั้ง และขณะที่ปล่อยให้วัสดุแห้ง
  • เลื่อนการติดตั้งท่อลม, ท่อ และวัสดุอื่นๆ ที่อาจเป็นอุปสรรคในการติดตั้งวัสดุพ่นกันไฟจนกว่าจะติดตั้งวัสดุพ่นกันไฟเสร็จ
  • ห้ามติดตั้งวัสดุอุปกรณ์ที่มาปิดบัง จนกว่าจะทำการติดตั้ง, ตรวจตรา, ทดสอบ และแก้ไขข้อบกพร่องของพ่นกันไฟเสร็จเรียบร้อย

10. ผลิตภัณฑ์ 

  • ส่วนประกอบ
    • วัสดุป้องกันไฟ เป็นวัสดุประเภท Solvent-Based Intumescent หรือ Water-Based Intumescent ต้องไม่มีสาร asbestos
    • วัสดุป้องกันไฟ เมื่อแห้งตัวเป็นแผ่นฟิล์มบางผิวขรุขระ มีความหนาไม่ต่ำกว่า 500 ไมครอน
  • คุณสมบัติทางด้านกายภาพ : เนื่องจากต้องการให้วัสดุเมื่อแห้งแล้วมีความทนทานและยึดติดกับโครงสร้างได้เหมาะสม
  • ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม ได้แก่
    • FIREKOTE S99  โดย บริษัท ไบเทค เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด หรือเทียบเท่า

11. การปฏิบัติงาน

  • การตรวจสอบ
    • ตรวจสอบว่าพื้นผิวเหล็กพร้อมได้รับการติดตั้ง
    • ตรวจสอบว่าท่อลม, ท่อ และวัสดุอุปกรณ์ต่างๆซึ่งอาจเป็นอุปสรรคในการติดตั้งวัสดุกันไฟ ซึ่งยังไม่ได้รับการติดตั้งจนกว่าจะติดตั้งวัสดุกันไฟเสร็จ
    • ตรวจสอบว่ามีการเติม ช่อง หรือรอยแตกต่างๆให้เต็ม และจัดเก็บวัสดุต่างๆที่ยื่นออกมาในบริเวณที่จะมีการพ่นวัสดุป้องกันไฟให้เรียบร้อย
    • ให้มีการส่งมอบพื้นที่ก่อนการติดตั้ง
  • การเตรียมผิวเหล็ก
    • ทำความสะอาดผิวเหล็กให้ปราศจากไขมัน, น้ำมัน, เศษวัสดุที่ติดอยู่ หรือวัสดุอื่นๆ ซึ่งอาจมีผลต่อการยึดเกาะของสารกับเนื้อเหล็ก
    • ให้ทาหรือพ่นสีกันสนิม
  • การป้องกัน
    • ติดตั้งวัสดุป้องกันบริเวณข้างเคียงและอุปกรณ์ต่างๆ จากการฟุ้งในกรณีที่มีการพ่น
    • ป้องกันวัสดุป้องกันไฟไม่ให้โดนฝนขณะทำการติดตั้ง
    • ติดตั้งสีทับหน้า (Topcoat) บนสีกันไฟ เพื่อป้องกันสภาพอากาศชื้น และตกแต่งผิวให้สวย โดยสีทับหน้าที่แนะนำได้แก่ สีอะคริลิก, สีอีพ็อกซี่, สีเอ็นโพลียูลีเทน
  • การติดตั้งโดยการทา
    • ทาสีกันไฟแต่ละชั้นที่ความหนา 250-500 ไมครอน และสามารถทาได้มากกว่า 1 ชั้น เพื่อให้ได้ความหนาตามที่ระบุไว้
  • การติดตั้งโดยการพ่น
    • พ่นสีกันไฟแต่ละชั้นที่ความหนา 250-700 ไมครอน แต่ถ้าเป็นพื้นผิวที่ไม่ทรุดตัวสามารถพ่นได้ถึง 1000 ไมครอน โดยใน 1 วันสามารถพ่น หรือ ทาได้สูงสุด 2 ชั้น ซึ่งความหนามากที่สุดต้องไม่เกิน 900 ไมครอน ส่วนพลังไฟฟ้าที่จำเป็นต้องใช้ คือ  220V.60Hz, 75A
  • การควบคุมคุณภาพ
    • ควรมีการทดสอบและตรวจสอบก่อนการใช้งาน
    • การตรวจสอบที่สมบูรณ์ทำขึ้นเพื่อให้แน่ใจว่าตรงกับความต้องการในการใช้งาน
    • ตรวจสอบให้สมบูรณ์ก่อนที่จะมีการติดตั้งวัสดุที่มาปิดบังการแก้ไขหรือการตรวจสอบซ้ำ
    • แก้ไขในกรณีที่ติดตั้งไม่สมบูรณ์ตามที่ระบุไว้และตรวจสอบความถูกต้องอีกครั้ง
  • การทำความสะอาด
    • ทำความสะอาดและขนย้ายวัสดุที่เหลือใช้, เศษวัสดุที่ตกหล่น และซากวัสดุที่ทับถมอยู่ให้เรียบร้อย
    • แยกและเคลื่อนย้ายวัสดุกันไฟ หรือ อุปกรณ์การติดตั้งออกจากวัสดุชนิดอื่นๆ

 

สีกันไฟโครงสร้างเหล็ก เกี่ยวข้องกันอย่างไร ?

การเกิดเหตุเพลิงไหม้เป็นสถานการณ์ที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ดังนั้นการก่อสร้างอาคารทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นโรงงานอุตสาหกรรม, โกดังเก็บสินค้า หรือ อาคารสำนักงาน ต้องคำนึงถึงความแข็งแรง ทนทานต่อไฟ ที่สำคัญโครงสร้างเหล็กมีอัตราการทนไฟต่ำ จึงทำให้เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ต้องใช้สีกันไฟควบคู่กับโครงสร้างเหล็ก

สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องใช้สีกันไฟ ? เพราะคุณสมบัติของสีกันไฟ หรือ สีทนไฟ เป็นสีที่ช่วยชะลอความร้อนที่จะเข้าไปทำลายโครงสร้างของอาคาร เพื่อยืดระยะเวลาในช่วงที่เกิดเหตุไฟไหม้ให้ได้นานที่สุด ดังนั้นการเลือกใช้สีกันไฟควรเลือกสีที่ผ่านการตรวจสอบ และได้รับการรับรองคุณภาพจากหน่วยงานที่น่าเชือถือตามมาตรฐาน ASTM E119 ตามที่กฎหมายกำหนดไว้

 

 

เลือก สีกันไฟโครงสร้างเหล็ก คุณภาพ ต้องที่ Bitec Enterprise

สำหรับใครที่ต้องการตัวช่วยวัสดุทนไฟที่ใช้ในการห่อหุ้มโครงสร้างอาคาร ขอแนะนำผู้เชี่ยวชาญด้าน สีกันไฟโครงสร้างเหล็ก อย่าง Bitec Enterprise ด้วยประสบการณ์มากกว่า 25 ปี ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 9001:2015 ในเรื่องของระบบบริหารที่มีคุณภาพ

นอกจากจำหน่ายสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างแล้ว ยังให้คำแนะนำในการเลือกใช้งานอย่างเหมาะสม ที่สำคัญผลิตภัณฑ์ยังผ่านการตรวจสอบมาตรฐานตามกฎหมาย รับรองว่าผู้ใช้งานมั่นใจในทุกบริการอย่างแน่นอน

 

 

 

ติดต่อสอบถามข้อมูล และข้อสงสัยต่างๆ ของผลิตภัณฑ์ เพิ่มเติมได้ที่นี่

Facebook: BITEC Enterprise Ltd.

E-mail: info@bitecenterprise.com

Line: @Bitecenterprise

Tel: 02-717-1155